“ภู” ชนมภูมิ ชูพยัคฆ์ ตัวรุกวัย 17 ปี และ “ก๊อต” กิตติกวิน กัลปหา แบ็กซ้ายวัย 17 ปี 2 ดาวรุ่งจาก BGPU ACADEMY ได้มีโอกาสลัดฟ้าติวเข้มศาสตร์ลูกหนังกับ สโมสรเซเรโซ่ โอซาก้า พันธมิตรลูกหนังจากเวทีเจลีก ประเทศญี่ปุ่น หลังจากทั้งคู่บินตรงสู่แดนปลาดิบ เมื่อปลายเดือน กันยายน ที่ผ่านมา ก่อนจะกลับสู่ประเทศไทยเมื่อต้นเดือน ธันวาคม 2566 ซึ่งการใช้ชีวิตที่ต้องห่างไกลจากครอบครัว ในประเทศที่แตกต่างทั้งในเรื่องของภาษา, วัฒนธรรม, ความเป็นอยู่ รวมทั้งอาหารการกิน และสภาพอากาศ เป็นเวลาร่วม 2 เดือน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนมีฝันบนเส้นทางลูกหนังอาชีพ
“ช่วงเดือนแรกยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควรครับ เพราะสไตล์การเล่น ความฟิตของร่างกาย ทักษะการเล่น ภาษา แตกต่างกับที่ไทยมากพอสมควร การใช้ชีวิตช่วงแรกเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเรื่องของภาษา ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ เริ่มจากการคุยกับคนรอบ ๆ ตัว อย่างเช่น เพื่อน, แม่ครัว หรือ โค้ช แต่พอได้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำให้มีการจัดการตัวเองดีขึ้น ฝึกการวางแผนเวลาว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ และฝึกดูแลตัวเอง ได้เห็นการใช้ชีวิตของคนที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น เขาทำอะไรทำจริง ตรงต่อเวลา และได้นำมาปรับใช้กับตัวเอง”
“ภู” ชนมภูมิ ร่ายถึงประสบการณ์ของตัวเองในช่วงแรก ที่ต้องไปใช้ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าก่อนหน้านี้ จะเคยผ่านการคัดเลือกไปฝึกฟุตบอลที่ประเทศเยอรมันนี และปะทะแข้งกับทีมอะคาเดมี่ ระดับแถวหน้าของเยอรมัน ทั้ง ไอน์ทรัคต์ แฟรงค์เฟิร์ต, โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ และเอฟซี บาเยิร์น มิวนิค เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ ในช่วงเดือนพฤษภาคม มาแล้ว เช่นเดียวกับ “ก๊อต” กิตติกวิน ผู้ผ่านเวที BGPU SOCCER SCHOOL มาก่อน แม้เป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็บ่มเพาะ และฝึกฝน จนเคยติด 1 ใน 30 เยาวชนทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวตัวเอง ในช่วงแรกที่แดนอาทิตย์อุทัย “ผมใช้เวลาปรับตัวพอสมควรเลยครับ เพราะความฟิตที่แตกต่างจากประเทศไทยมาก และเรื่องของภาษาในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม รวมถึงรายละเอียดของทักษะการรับส่งบอลที่ต้องมีคุณภาพมากขึ้นครับ”
หลังจากขวบเดือนแรกของการปรับตัว ทั้งคู่ทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งอาจเพราะแรงขับภายในของตัวเอง รวมถึงความฝันบนเส้นทางลูกหนังอาชีพ ทำให้ต้องสู้ และสู้เท่านั้น จวบจนเข้าสู่เดือนที่ 2 ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เริ่มทำหน้าที่ตามกาลเวลา ซึ่ง “ภู” ชนมภูมิ เล่าให้ฟังได้อย่างน่าสนใจ
“พอเราเริ่มปรับตัวได้ เราก็เริ่มตามเพื่อนทัน ทั้งการซ้อม และภาษา ได้ความรู้ด้านฟุตบอลมากขึ้น รายละเอียดต่าง ๆ ของฟุตบอล การจับบอล ส่งบอล การเคลื่อนที่หนีคู่ต่อสู้ คุณภาพในการเล่นเกมรุก และเกมรับ ซึ่งร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเล่นฟุตบอล และต้องมีความเป็นมืออาชีพ ต้องดูแลตัวเอง มีระเบียบวินัยทั้งในและนอกสนามครับ”
ส่วน “ก๊อต” กิตติกวิน พูดถึงช่วงเดือนที่ 2 หรือเดือนสุดท้ายที่ประเทศญี่ปุ่น ได้อย่างมีแง่คิด “พอได้อยู่ไปเรื่อย ๆ ผมก็เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น ได้วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น และได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นมากมายจากทั้งครู และเพื่อน ๆ ครับ และที่สำคัญ คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามากครับ และสิ่งที่ผมได้กลับมาจากเซเร่โซ โอซาก้า ในครั้งนี้ คือความฟิตของร่างกาย รายละเอียดของทักษะการจับบอล ส่งบอล การมองก่อนที่จะรับบอลมากขึ้นครับ และได้เรื่องของการจัดการเวลาครับ อีกอย่างที่ได้มาคือได้เข้าใจภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นครับ”